เมื่อลูกรักวัยซนฟันขึ้นแล้ว และเริ่มกินอาหารแบบผู้ใหญ่ได้แล้วแต่กลับมีปัญหา เพราะจากที่เคยกินง่ายกลายเป็นกินยาก และห่วงเล่นมากกว่า ครั้งนี้ขอเสนออาหารวัยซน เพื่อจูงใจให้เจ้าหนูกินได้กินดี มาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
เมื่อลูกรักวัยซนฟันขึ้นแล้ว และเริ่มกินอาหารแบบผู้ใหญ่ได้แล้วแต่กลับมีปัญหา เพราะจากที่เคยกินง่ายกลายเป็นกินยาก และห่วงเล่นมากกว่า ครั้งนี้ขอเสนออาหารวัยซน เพื่อจูงใจให้เจ้าหนูกินได้กินดี มาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
1.ผลไม้
เด็กบางคนติดของหวาน เพราะกินขนมตามพี่ๆ หรือ เพราะคนในบ้านตามใจ ขืนเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะผลเสียที่ตามมานั้น มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟันผุ โรคเบาหวาน และโรคขาดสารอาหาร เพราะกินของหวานจนอิ่มแล้ว มักไม่มีพื้นที่ในท้องเหลือพอจะเติมอาหารมื้อหลักลงไปได้ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เพราะได้รับแต่ของที่ไม่มีประโยชน์ นอกจากผลกระทบที่เราเห็นตอนนี้แล้ว เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะกลายเป็นคนกินยาก สุขภาพไม่ดี และมีโรคภัยก่อนวัยอันควร
หากเด็กติดกินขนม คุณแม่ต้องใช้ผลไม้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยแทน โดยเปลี่ยนเป็นผลไม้รสชาติอร่อย เช่น มะละกอ มะม่วงสุก แตงโม ชมพู่ เป็นต้น กำจัดขนมภายในบ้าน และปรับนิสัยให้กินเป็นเวลา รวมทั้งไม่กินของว่างหรืออาหารหลักหน้าทีวีอีกด้วย
2. ความหวานจากธรรมชาติ
อาหารรสหวานกับเด็กๆ ย่อมเป็นของคู่กัน เพราะเด็กนิยมชมชอบอาหารรสหวานมากกว่ารสชาติอื่น ๆ ซึ่งมีผลให้เด็กกินง่าย และกินในปริมาณมากทีเดียว แต่เมนูรสหวานที่กำลังแนะนำนี้ ไม่ใช่ของหวานอย่างขนมหรือลูกอม แต่สิ่งที่จะแนะนำคือ วัตถุดิบที่มีรสหวานอร่อยที่ปลายลิ้นมาประยุกต์เป็นเมนูต่างๆ โดยไม่ต้องเติมน้ำตาลจนทำให้ลูกติดหวาน
วัตถุดิบที่พูดถึงเหล่านั้น ได้แก่ หัวหอม มันเทศญี่ปุ่น มะเขือเทศ แครอต ถั่วหวาน ข้าวโพด ผักหวาน ฟักทอง ฯลฯ โดยนำมาต้ม ผัด หรือนึ่งประกอบอาหารในเมนูต่าง ๆ ก็ทำให้เขาติดใจในรสชาติที่เป็นธรรมชาติ โดยมิได้เติมแต่งรสชาติ
3.เสริมเมนูหลากหลาย
เด็กวัยนี้ค่อนข้างขี้เบื่อ และต้องการแสวงหารสชาติที่แปลกใหม่อยู่เสมอ ถ้าคุณแม่ต้มแกงจืดหม้อเดียวกินทั้งสัปดาห์ เด็กอาจจะปฏิเสธเอาง่าย ๆ ควรมาปรับเมนูให้หลากหลาย ทำเมนูที่ไม่ซ้ำเดิม อย่างเช่น นำแกงจืดมาทำเป็นน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว เกี๊ยวน้ำ ข้าวต้ม เพิ่มคุณค่าด้วย หมูทอดหรือไก่ทอดอร่อยๆ แทน แค่นี้ก็เรียกน้ำย่อยให้คืนกลับมาได้แล้ว
4.ปลาทูแหล่งโอเมก้า 3
โอเมก้า 3 จากปลาแซลมอลถือเป็นเมนูที่ราคาไม่เบาเลยนะคะ ใครเลยจะรู้ว่า ปลาทูที่นอนตัวอวบอยู่ในเข่งก็มีโอเมก้า 3 ไม่แพ้ปลาแซลอล เช่นกัน แถมราคาไม่แพงด้วย ทั้งนี้ ปลาทูยังมีโปรตีนสูง กินง่าย ไม่คาวจัด ในเนื้อปลาทู 100 กรัม จะมีโอเมก้า 3 ประมาณวันละ 2-3 กรัม ซึ่งแต่ละวันร่างกายจะต้องการโอเมก้า 3 ประมาณวันละ 3 กรัม เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง กลวิธีการปรุงก็คุ้นเคยกันดี นั่นก็คือ ทอด ต้มยำน้ำใส หรือต้มเค็มแสนอร่อย ดังนั้น ปลาทูก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่อร่อยได้สุขภาพที่เด็กๆ ปฏิเสธยากค่ะ
เห็นหรือไม่คะว่า การทำเมนูให้ลูกกินได้กินดีนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ใส่ใจกับเรื่องพื้นฐานในตัวลูก และใช้เวลาเตรียมอาหารและพิถีพิถันในการกินของลูกอีกนิด ลูกก็จะมีน้ำหนักตัวขึ้นตามเกณฑ์และมีสุขภาพดีจากภายในด้วยค่ะ
© 2021 Osotsapa Company (Limited), All Rights Reserved. Privacy Policy/Terms of Service/CA Transparency Act