มีหลายๆโรคที่เคยเป็นแล้วตอนเด็กๆ ก็สามารถเป็นซ้ำได้อีก เนื่องจากมีเชื้อที่เป็นสาเหตุหลายสายพันธุ์ และมีโรคอะไรบ้าง ที่พ่อแม่ควรรู้ และควรระวังป้องกัน?
คุณยายมาปรึกษาหมอว่า หลานชายคนโตอายุ 5 ขวบเป็นมือเท้าปาก และตอนนี้ที่บ้านมีหลานสาวคนเล็ก อายุ 2 ขวบ ด้วย ควรจะทำอย่างไรดี ที่ป้องกันไม่ให้หลานสาวติดมือเท้าปากจากพี่ชาย คุณหมอแนะนำว่าให้แยกกันเลี้ยงจนกว่าพี่ชายจะหายป่วย หรือคุณยายให้เด็กๆ อยู่ด้วยกันเลยดีหรือไม่ เผื่อหลานคนเล็กติดพี่แล้ว โตขึ้นเวลาไปโรงเรียนจะได้มีภูมิคุ้มกัน ไม่เป็นโรคมือเท้าปากค่ะ
โรคที่เป็นแล้ว ลูกเป็นซ้ำได้ มีอะไรบ้าง
มีหลายๆ โรคที่เคยเป็นแล้วตอนเด็กๆ ก็สามารถเป็นซ้ำได้อีก เนื่องจากมีเชื้อที่เป็นสาเหตุหลายสายพันธุ์ ได้แก่
- โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ ยังแบ่งเป็น subtype เล็กๆ หรือสายพันธุ์ย่อยๆอีกหลายสายพันธุ์ เช่น A(H1N1), A(H1N2), A(H3N2), A(H5N1), A(H9N2) เป็นต้น
- ไข้เลือดออก ปัจจุบันพบว่ามี 4 สายพันธุ์ หากเป็นครั้งแรกจะมีภูมิในช่วงสั้นๆ และเมื่อภูมิคุ้มกันลดลง ถ้าติดเชื้อครั้งใหม่ด้วยสายพันธุ์ใหม่ก็สามารถเป็นโรคซ้ำได้อีก ในเคสนี้แนะนำให้แยกเด็กป่วยและเด็กที่ยังแข็งแรงออกจากกัน และหากมีข้อสงสัยแนะนำให้สอบถามจากคุณหมอที่รักษาได้ค่ะ
- อีสุกอีใส เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กอายุ 2-8 ปี ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกัน ทำให้พบเด็กเป็นน้อยลง โรคนี้พบระบาดในตอนปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อนเช่นเดียวกับหัด แต่ก็พบประปรายตลอดทั้งปี สุกใสมีระยะฟักตัวของเชื้อ 10-20 วัน โรคนี้ส่วนใหญ่จะหายได้เอง โรคนี้เมื่อเป็นแล้ว มักมีภูมิต้านทานไปจนตลอดชีวิต จะไม่เป็นซ้ำอีก
- โรคมือ เท้า ปาก สาเหตุเกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พบได้ตลอดปีแต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ฝนตกอากาศชึ้นจึงพบอัตราการระบาดของโรคสูงขึ้น ส่วนใหญ่การติดต่อโดยการได้รับเชื้อไวรัสเข้าปากโดยตรง เชื้อจะมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย น้ำมูก น้ำจากตุ่มแผล การไอและจามรดกัน ส่วนใหญ่เด็กๆจะเริ่มมีอาการป่วย 3 -6 วันหลังได้รับเชื้อ โดยเริ่มมีไข้ หลังจากนั้นจะเริ่มมีตุ่มแดงที่ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้มฝ่ามือ นิ้วมือ และฝ่าเท้า บางรายที่อาการรุนแรงจะมีผื่นที่ขาและก้นได้ด้วย ซึ่งกว่าผื่นจะหายประมาณ 7-10 วัน
ขอบคุณบทความจาก
พญ. ฐิตาภรณ์ วรรณประเสริฐ
เเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางผิวหนังเด็ก โรงพยาบาลผิวหนังอโศก