ในการซื้อของใช้ของลูกนั้น คุณพ่อคุณแม่หลายคนนิยมซื้อทีละเยอะๆหรือซื้อแบบยกโหล เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องออกไปซื้อบ่อยๆแล้ว การซื้อยกโหล ยังทำให้สามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกลงด้วย แต่รู้หรือไม่ว่า ข้าวของเครื่องใช้ของลูกที่คุณพ่อคุณแม่ซื้อมาตุนให้ลูกนั้น มีช่วงอายุการใช้งานด้วยนะคะ และสิ่งสำคัญก็คือ หากของใช้พวกนี้หมดอายุแล้ว จะต้องเปลี่ยนใหม่ทันที หากเหลือทิ้งก็คงเสียดายแย่เลย มาดูกันดีกว่าว่า ของใช้ของลูกแต่ละอย่างนั้น สามารถเก็บไว้ได้นานแค่ไหน และจะหมดอายุเมื่อไหร่บ้าง จะได้กะปริมาณในการซื้อกันได้ถูก
1. ขวดนม: 6 เดือน - 3 ปี
โดยทั่วไปแล้ว ขวดนมที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน จะมีอายุการเสื่อมสภาพอยู่ที่ราวๆ 3 ปี แต่เมื่อนำมาใช้งานแล้ว อายุการใช้งานจะเหลือเพียงประมาณ 6 เดือนเท่านั้น แต่ยิ่งมีการใช้งานบ่อย โดนความร้อนจากการทำความสะอาดบ่อยๆ หรือขวดนมมีการเปลี่ยนแปลง เช่น บุบเบี้ยว มีรอยร้าว ไม่ใสดังเดิม หรือมีรอยขีดข่วนมาก ก็ควรเปลี่ยนก่อนเวลา นอกจากนี้ อายุการใช้งานของขวดนมแต่ละประเภท ก็ยังไม่เท่ากันอีกด้วย โดย
• ขวดนมประเภทพลาสติก PP - เป็นพลาสติกสีขาวขุ่น มีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยประมาณ 6 เดือน
• ขวดนมประเภทพลาสติก PES - เป็นพลาสติกขาวใส มีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ย 6 เดือน - 1 ปี
• ขวดนม PPSU - ขวดจะเป็นสีชา มีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยประมาณ 8 เดือน - 2 ปี
• ขวดนมแก้ว – ไม่เป็นที่นิยมนัก เนื่องจากมีน้ำหนักค่อนข้างมาก และสามารถตกแตกได้ง่าย แต่อายุการใช้งาน จะสามารถใช้ได้นานแบบไม่จำกัด
2. จุกนม: 3 - 6 เดือน
ขนาดของจุกนมควรเปลี่ยนไปตามช่วงอายุของลูก โดยจุกลมแต่ละอันจะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 3 เดือน แต่หากจุกนมเริ่มเปลี่ยนสี สีซีดลง บวม เนื้อยางนิ่ม ก็หมายความว่าจุกนมใกล้เสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนทันที
• จุกนมยาง - อายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน
• จุกนมซิลิโคน - มีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 6 เดือน
3. น้ำยาล้างขวดนม: 2 - 5 ปี
อายุกี่ใช้งานของน้ำยาล้างขวดนมนั้น จะอยู่ที่ 2 – 5 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และการเก็บรักษา โดยควรเก็บให้อยู่ห่างจากความร้อน และระวังอย่าให้ถุงรั่ว เพราะจะทำให้น้ำยาเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
4. ยาสีฟัน: 2 – 3 ปี
ยาสีฟันโดยทั่วไป จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ราวๆ 2 - 3 ปีนับจากวันที่ผลิต บางยี่ห้อจะมีบอกวันหมดอายุเอาไว้ด้วย แต่บางยี่ห้อจะบอกแค่วันผลิตเท่านั้น หากคุณพ่อคุณแม่อยากรู้ว่า ยาสีฟันของลูกหมดอายุแล้วหรือยัง ก็สามารถสังเกตได้ง่ายๆ ได้จากการที่ยาสีฟันเริ่มบีบไม่ออก แห้ง สีเปลี่ยน หรือกลิ่นเปลี่ยน
5. แป้งเด็ก:
อายุการใช้งานเฉลี่ยของแป้งเด็กจะอยู่ที่ 3 ปี นับจากวันที่ผลิต
6. เบบี้ออยล์: 3 ปี
อายุการใช้งานของเบบี้ออยล์ หลังเปิดขวดแล้วจะอยู่ที่ราวๆ 36 เดือน หรือ 3 ปีนั่นเอง หากหมดอายุแล้ว ไม่ควรนำมาใช้ต่อ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
7. สบู่เหลว: 3 ปี
อายุการใช้งานเฉลี่ยของสบู่เหลว จะอยู่ที่ประมาณ 3 ปี แต่หากเป็นผลิตภัณฑ์แบบออแกนิค จะมีอายุการใช้งานเพียง 1 ปีเท่านั้น เพราะฉะนั้น ก่อนซื้อจึงควรอ่านฉลากให้ดีก่อน ดูวันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุไว้บนฉลากด้วย
8. โฟมอาบน้ำ: 3 ปี
อายุการใช้งานเฉลี่ยของโฟมอาบน้ำ จะอยู่ที่ประมาณ 3 ปี
9. ผ้าอ้อมสำเร็จรูป: 3 ปี
ผ้าอ้อมสำเร็จรูปมักมีอายุการผลิตอยู่ที่ประมาณ 5 ปี แต่ก็อาจเกิดการเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไปได้เพียง 2 – 3 ปีเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึมซับไม่ดี ยางยืดหมดประสิทธิภาพ และอาจทำให้เด็กบางคนเกิดอาการแพ้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้ การเก็บรักษา ไม่ควรให้โดนความร้อน หรืออยู่ใกล้ความชื้นมากเกินไป เพราะอาจทำให้มีเชื้อราได้ ควรเก็บในหีบห่อที่มิดชิด เพื่อป้องกันฝุ่นและแมลงเข้าไปในห่อ
10. สบู่ก้อน: 18 เดือน - 3 ปี
แม้แต่สบู่ก้อนก็มีวันหมดอายุเช่นกัน โดนสบู่ก้อนหนึ่ง จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 18 เดือน – 3 ปี หลังจากนี้ประสิทธิภาพในการทำงานจะค่อยๆลดลง
11. แชมพู: 2 - 3 ปี
อายุการใช้งานเฉลี่ยของแชมพูสระผมจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี
12. ครีม: 2 ปี
โดยทั่วไปแล้ว เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 2 ปีนับจากวันผลิต ก่อนซื้อจึงควรอ่านฉลาก และดูวันเดือนปีผลิตและวันหมดอายุที่ระบุไว้บนฉลากด้วย ถ้าเกรงว่าจะใช้ไม่ทัน ก็ให้เลือกซื้อขนาดเล็กมาใช้แทน
13. โลชั่น: 3 ปี
อายุการใช้งานเฉลี่ยของโลชั่นบำรุงผิวคือ 3 ปี แต่หากพบว่าเนื้อโลชั่นมีความผิดปกติ เช่น มีการแยกชั้นเป็นน้ำออกมา คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรเสี่ยงนำมาทาผิวให้ลูกน้อยนะคะ
14. น้ำยาซักผ้าขาว: 3 เดือน
อายุการใช้งานเฉลี่ยของหลังเปิดใช้งานแล้วจะอยู่ที่ 1-3 เดือน เนื่องจากน้ำยาซักผ้าขาวจะค่อยๆ ลดประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ ทำให้ซักผ้าได้ไม่สะอาดนัก
15. น้ำยาปรับผ้านุ่ม: 1 ปี
แม้ว่าความจริงแล้ว น้ำยาปรับผ้านุ่มจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 2-3 ปี แต่กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม จะค่อยๆหายไปภายใน 9-12 เดือนเท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไร ความปลอดภัยของลูกน้อยก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตวันหมดอายุของใช้ของลูกแต่ละอย่างอยู่เสมอ หากหมดอายุหรือเสื่อมสภาพแล้ว ก็ไม่ควรและเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะหากยังใช้ของหมดอายุต่อไป ก็อาจก่อให้เกิดผลเสียที่คาดไม่ถึงกับลูกน้อยได้
© 2021 Osotsapa Company (Limited), All Rights Reserved. Privacy Policy/Terms of Service/CA Transparency Act